Wireless Access Point

Access Point ที่รองรับ Wi-Fi 6 (802.11ax) มีข้อดีหลายประการ ได้แก่:

• ความเร็วสูงขึ้น: สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วกว่ามาตรฐานเดิม ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 9.6 Gbps (กิกะบิตต่อวินาที)
• ประสิทธิภาพดีขึ้นในสภาพแวดล้อมที่มีผู้ใช้หนาแน่น: ด้วยเทคโนโลยี OFDMA และ MU-MIMO ที่ได้รับการปรับปรุง ช่วยให้ AP สามารถสื่อสารกับอุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันได้ดียิ่งขึ้น
• ลด Latency: เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความหน่วงต่ำ เช่น การเล่นเกม หรือ Video Conference
• ประหยัดพลังงานแบตเตอรี่อุปกรณ์: ด้วยคุณสมบัติ Target Wake Time (TWT) ที่ช่วยให้อุปกรณ์กำหนดเวลาในการรับส่งข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Access Point มีหลายประเภทหลักๆ ได้แก่:

• Standalone AP: ใช้งานได้ด้วยตัวเอง เหมาะสำหรับเครือข่ายขนาดเล็กหรือตามบ้านที่ต้องการติดตั้งเพียงไม่กี่จุด
• Controller-based AP: ต้องทำงานร่วมกับ Wireless Controller เหมาะสำหรับเครือข่ายขนาดใหญ่ เช่น ออฟฟิศ โรงแรม หรือโรงเรียน ที่ต้องการการบริหารจัดการ AP จำนวนมากจากส่วนกลาง
• Mesh AP: ออกแบบมาเพื่อสร้างเครือข่ายไร้สายแบบ Mesh ซึ่งสัญญาณจะถูกส่งต่อจาก AP หนึ่งไปยังอีก AP หนึ่ง เพื่อขยายความครอบคลุมโดยไม่ต้องเดินสาย LAN ไปยังทุกจุด เหมาะสำหรับพื้นที่กว้างๆ ที่มีข้อจำกัดในการเดินสาย

ในการเลือกซื้อ Access Point ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญดังนี้:

• มาตรฐาน Wi-Fi: เช่น Wi-Fi 6 (802.11ax) หรือ Wi-Fi 6E เพื่อความเร็วและประสิทธิภาพสูงสุด
• ความเร็วและ Band: รองรับ Dual-band (2.4GHz และ 5GHz) หรือ Tri-band เพื่อรองรับอุปกรณ์และความต้องการใช้งานที่หลากหลาย
• ความครอบคลุมของสัญญาณ: พิจารณาจากขนาดพื้นที่ที่ต้องการใช้งาน และจำนวนผู้ใช้งาน
• การรองรับ PoE (Power over Ethernet): เพื่อความสะดวกในการติดตั้งและจ่ายไฟผ่านสาย LAN
• การบริหารจัดการ: พิจารณาว่าต้องการ AP แบบ Standalone หรือ Controller-based
• ฟีเจอร์เพิ่มเติม: เช่น Guest Network, Roaming (สำหรับ Controller-based), Security Protocols (WPA3)